Trend vs Sideway คืออะไร | วิธีเทรดให้ได้กำไร

 
Trend VS Sideway วิธีเทรดให้ได้กำไร

Trend vs Sideway คืออะไร และเทรดยังไงให้ได้กำไร

การลงทุนและการเทรดหุ้นหรือคริปโตไม่ใช่เรื่องโชคชะตาเพียงอย่างเดียว การเข้าใจ “เทรนด์ (Trend)” และ “Sideway” เป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจซื้อขายอย่างมีเหตุผลและทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง


เทรนด์ (Trend) คืออะไร?

เทรนด์ หมายถึง ทิศทางของราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ ที่มีแนวโน้มชัดเจนในระยะเวลาหนึ่ง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก:

  1. เทรนด์ขาขึ้น (Uptrend)

    • ราคาสินทรัพย์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    • เหมาะสำหรับกลยุทธ์ ซื้อเพื่อถือ (Buy & Hold) หรือ เทรดตามเทรนด์ (Trend Following)

  2. เทรนด์ขาลง (Downtrend)

    • ราคาสินทรัพย์ลดลงต่อเนื่อง

    • เทรดเดอร์สามารถใช้กลยุทธ์ ขายชอร์ต (Short Selling) หรือหลีกเลี่ยงการซื้อ

  3. เทรนด์ข้างเคียง (Sideway Trend)

    • ราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวในกรอบแนวนอน ไม่มีทิศทางชัดเจน

    • เป็นโอกาสสำหรับกลยุทธ์ ซื้อขายสั้น (Range Trading)

การเข้าใจเทรนด์ช่วยให้เรารู้ว่า ควรซื้อ ขาย หรือรอ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร


Sideway คืออะไร?

Sideway หรือ ตลาดขาลอย หมายถึง ราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวในกรอบราคาที่จำกัด โดยไม่มีแนวโน้มขึ้นหรือลงอย่างชัดเจน

ลักษณะของ Sideway:

  • ราคาสลับขึ้นลงอยู่ระหว่างแนวรับและแนวต้าน

  • ปริมาณการซื้อขายอาจลดลง

  • ความผันผวนต่ำ ทำให้กำไรต่อเทรดอาจไม่สูง แต่มีความเสี่ยงต่ำ

กลยุทธ์เทรดในตลาด Sideway:

  • ซื้อใกล้แนวรับและขายใกล้แนวต้าน (Range Trading)

  • ใช้ Indicator เช่น RSI, Stochastic เพื่อหาจุดซื้อต่ำ ขายสูง

  • ระวัง Breakout หากราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้าน อาจเกิดเทรนด์ใหม่


วิธีเทรดให้ได้กำไรในเทรนด์และ Sideway

1. เทรดตามเทรนด์ (Trend Following)

  • เหมาะสำหรับตลาดที่มี เทรนด์ชัดเจน

  • ใช้ Moving Average หรือ MACD เพื่อยืนยันทิศทางราคา

  • เข้าซื้อในเทรนด์ขาขึ้น และขายในเทรนด์ขาลง

ตัวอย่าง:

  • หุ้น A อยู่ใน Uptrend ใช้ EMA 20 วันเป็นตัวช่วยเข้าออเดอร์

  • ถ้าเกิดราคาย่อตัวมาแตะ EMA 20 วันแล้วเด้งขึ้น สามารถเปิด Long Position

2. เทรด Sideway (Range Trading)

  • เหมาะสำหรับตลาดไม่มีแนวโน้มชัดเจน

  • กำหนดแนวรับแนวต้านชัดเจน แล้วซื้อใกล้แนวรับ ขายใกล้แนวต้าน

  • ใช้ Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงจาก Breakout

ตัวอย่าง:

  • หุ้น B เคลื่อนไหวระหว่าง 50–55 บาท

  • ซื้อใกล้ 50 บาท และขายใกล้ 55 บาท

3. ใช้ Risk Management

  • กำหนด Stop Loss และ Take Profit ทุกครั้ง

  • ไม่ทุ่มเงินทั้งหมดในออเดอร์เดียว

  • ใช้ Position Sizing ให้เหมาะสมกับพอร์ต


สรุป

การเทรดให้ได้กำไรไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นเรื่องของ การเข้าใจเทรนด์และ Sideway และการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพตลาด

  • เทรนด์: ใช้กลยุทธ์ตามทิศทางราคาชัดเจน

  • Sideway: ใช้กลยุทธ์ซื้อขายสั้นระหว่างแนวรับ–แนวต้าน

  • การจัดการความเสี่ยง: สำคัญที่สุดสำหรับกำไรยั่งยืน

การวิเคราะห์ตลาดและเทรนด์ให้แม่นยำ จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด

ความคิดเห็น