- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
📈 ROE คืออะไร ? ค่าเท่าไรถึงจะดี
🔸 ROE คืออะไร
ROE ย่อมาจาก Return on Equity หรือ “อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น”
ROE คือ ตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไร ของบริษัท ว่าสามารถสร้าง “กำไรสุทธิ” ได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับ “เงินทุนของผู้ถือหุ้น” หากบริษัทมีค่า ROE สูง แปลว่าบริษัทสามารถบริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลกำไรได้ดี
💡 ยิ่ง ROE สูง ยิ่งน่าสนใจสำหรับนักลงทุน — เพราะหมายถึงบริษัทมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนที่มีอยู่
🔸 ROE บอกอะไรกับนักลงทุน
ROE เป็นหนึ่งในตัวเลขสำคัญที่นักลงทุนมืออาชีพใช้ดู “คุณภาพของกิจการ”
-
✅ ROE สูงกว่าคู่แข่ง → บริษัทมีความสามารถสร้างกำไรได้ดีกว่า
-
⚠️ ROE ต่ำกว่าคู่แข่ง → บริษัทอาจมีประสิทธิภาพในการใช้เงินทุนไม่ดีนัก
📊 เคล็ดลับ: ควรเปรียบเทียบ ROE ของบริษัทกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อดูว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน
🧮 สูตรคำนวณ ROE
-
หน่วยของ ROE คือ “เปอร์เซ็นต์ (%)”
🧾 ตัวอย่างการคำนวณ ROE
สมมติว่า หุ้น ก
-
มีกำไรสุทธิ = 100 ล้านบาท
-
ส่วนของผู้ถือหุ้น = 3,300 ล้านบาท
ROE = (100 ÷ 3,300) × 100 ROE = 3.3 %
📌 ดังนั้น หุ้น ก มี ROE เท่ากับ 3.3% หมายความว่าบริษัทสามารถสร้างกำไรได้ 3.3 บาท จากเงินทุนของผู้ถือหุ้นทุก 100 บาท
🏆 ROE เท่าไรถึงจะดี ?
จริง ๆ แล้ว “ค่า ROE ที่ดี” ไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและอุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นอยู่ แต่โดยทั่วไป
-
📈 ROE 10–15% ขึ้นไป → ถือว่า “น่าสนใจ” สำหรับหลายอุตสาหกรรม
-
🏅 ROE สูงกว่า “ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม” → สัญญาณบวก
-
⚠️ ROE ต่ำมาก → ควรตรวจสอบเพิ่มเติมว่าบริษัทมีปัญหาด้านการบริหารหรือไม่
✅ เทคนิคง่าย ๆ: เอา ROE ของบริษัทที่สนใจ → เทียบกับ ROE ของบริษัทในกลุ่มเดียวกัน → จะเห็นทันทีว่าใครมีศักยภาพมากกว่า
📌 สรุปสั้น ๆ
-
ROE คือ ตัวชี้วัดความสามารถในการสร้างกำไรของบริษัทเมื่อเทียบกับเงินทุนของผู้ถือหุ้น
-
ROE สูง = ใช้เงินทุนคุ้มค่าและสร้างกำไรได้ดี
-
ควรเปรียบเทียบ ROE กับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันเพื่อประเมินความแข็งแกร่ง
❓ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ ROE (FAQ)
Q1: ROE ติดลบหมายความว่าอะไร ?
👉 หมายถึงบริษัทขาดทุนสุทธิในปีนั้น ๆ ควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วยก่อนตัดสินใจลงทุน
Q2: ROE สูงเกินไปดีไหม ?
👉 บางครั้ง ROE สูงมากอาจเกิดจากทุนที่ลดลง ไม่ใช่กำไรที่เพิ่มขึ้น ต้องวิเคราะห์งบการเงินประกอบ
Q3: ROE กับ ROA ต่างกันยังไง ?
👉 ROE วัดผลตอบแทนจาก “ทุนผู้ถือหุ้น” ส่วน ROA วัดจาก “สินทรัพย์รวมทั้งหมด”
📊 ตารางเปรียบเทียบค่า ROE เฉลี่ยของแต่ละอุตสาหกรรม (ตัวอย่าง)
อุตสาหกรรม | ค่า ROE เฉลี่ย (%) | ความหมายเบื้องต้น |
---|---|---|
พลังงานและสาธารณูปโภค | 10% – 15% | บริษัทขนาดใหญ่ มีกำไรคงที่และสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนสายมั่นคง |
ธนาคารและการเงิน | 8% – 12% | มักมีค่า ROE ปานกลาง เน้นเสถียรภาพและการเติบโตระยะยาว |
เทคโนโลยี | 15% – 25% | เติบโตเร็ว ROE สูง เหมาะกับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ |
พาณิชย์ / ค้าปลีก | 12% – 18% | ROE มักสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด สะท้อนการหมุนเวียนเงินทุนที่ดี |
อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง | 5% – 10% | ROE มักไม่สูงมาก เพราะใช้เงินลงทุนเยอะและมีกำไรไม่สม่ำเสมอ |
โรงพยาบาลและสุขภาพ | 10% – 20% | มีกำไรสม่ำเสมอจากการให้บริการทางการแพทย์ เป็นกลุ่มที่ ROE ค่อนข้างแข็งแรง |
อาหารและเครื่องดื่ม | 8% – 15% | ROE ปานกลางถึงสูง มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการถือยาว |
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม | 5% – 12% | มีความผันผวนตามฤดูกาลและเศรษฐกิจ ROE ขึ้นลงได้ตามภาวะตลาด |
ขนส่งและโลจิสติกส์ | 7% – 14% | ROE อยู่ระดับกลาง เหมาะกับผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสเติบโต |
กลุ่มอุตสาหกรรม (ทั่วไป) | 5% – 10% | ROE มักไม่สูงมาก เหมาะกับนักลงทุนที่เน้นความมั่นคงมากกว่าการเติบโตเร็ว |
⚠️ หมายเหตุ: ตัวเลขข้างต้นเป็นค่าเฉลี่ยโดยประมาณ ใช้เพื่อการวิเคราะห์เบื้องต้นเท่านั้น
สำหรับการตัดสินใจลงทุน ควรเปรียบเทียบกับข้อมูลจริงของปีล่าสุดจากแหล่งข้อมูลทางการ
-
ค่า ROE ไม่ได้บอกว่า “ดีหรือไม่ดี” โดยลำพัง — ต้องดูเทียบกับ ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
-
ROE สูงกว่าค่าเฉลี่ย = สัญญาณบวก
-
ROE ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย = ควรหาสาเหตุเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น